
อาการขาบวมและเท้าบวมเป็นสิ่งที่หลายคนอาจมองข้าม ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพียงผลจากความเหนื่อยล้าหรือการยืนเป็นเวลานานเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว อาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ โรคร้ายแรง 3 ชนิด ได้แก่ โรคหัวใจ โรคไตวายเฉียบพลัน และ การติดเชื้อบริเวณเท้า การเข้าใจถึงสาเหตุและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- โรคหัวใจ: สัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว
อาการขาบวมและเท้าบวมอาจเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ เลือดจึงไหลเวียนกลับมาสะสมในหลอดเลือดดำส่วนล่าง ทำให้เกิดอาการบวมที่เท้าและขา สัญญาณอื่น ๆ ที่มักพบร่วมกับอาการบวม ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะขณะนอนราบ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ
หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาการหัวใจล้มเหลวอาจนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อน เช่น ภาวะน้ำท่วมปอดหรือหัวใจหยุดทำงาน ดังนั้น หากมีอาการบวมร่วมกับอาการผิดปกติของหัวใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
- โรคไตวายเฉียบพลัน: อาการบวมจากการคั่งน้ำ
อาการบวมที่ขาและเท้าอาจเกิดจาก โรคไตวายเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียและน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย น้ำจึงสะสมในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดอาการบวม โดยเฉพาะบริเวณเท้าและขา
สัญญาณอื่นที่อาจพบร่วมกัน ได้แก่ ปัสสาวะลดลง มีอาการคลื่นไส้ เหนื่อยล้า หรือมีอาการคันทั่วร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันเวลา โรคไตวายเฉียบพลันสามารถนำไปสู่ภาวะไตวายเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้
- การติดเชื้อบริเวณเท้า: ภาวะที่ไม่ควรมองข้าม
การติดเชื้อที่เท้าหรือขา เช่น เซลลูไลติส (Cellulitis) อาจทำให้เกิดอาการบวม แดง ร้อน และเจ็บปวดบริเวณที่ติดเชื้อ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้ออาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
การติดเชื้อที่เท้ามักพบในผู้ที่มีแผลเปิด เช่น แผลเบาหวาน หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้า หากพบว่าบริเวณเท้ามีอาการบวมผิดปกติร่วมกับอาการอื่น ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
จากที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถสรุปได้ว่า อาการขาบวมและเท้าบวมอาจเป็นมากกว่าความผิดปกติชั่วคราว หากเกิดจาก โรคหัวใจ โรคไตวายเฉียบพลัน หรือ การติดเชื้อบริเวณเท้า การรักษาอย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การใส่ใจอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ของร่างกายจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงและช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้
สนับสนุนโดย วิธีดูแลและรักษาหู